หากคุณจะปั่นจักรยาน ระวัง 8 สิ่งนี้ให้ดี
จักรยานเป็นยานพาหนะที่ไร้มลพิษ และยังเป็นกิจกรรมในการออกกำลังกายได้ในเวลาเดียวกัน โดยเฉพาะยิ่งในเมืองที่อากาศไม่ร้อน จักรยานเป็นตัวช่วยในการเดินทางที่ดี เนื่องจากไม่ต้องเติมน้ำมัน และยังคล่องตัว หากคุณใช้ในระยะทางที่ไม่ไกลมากนัก อีกทั้งยังสามารถเป็นเครื่องออกกำลังกายในเวลาเดียวกันอีกด้วย แต่การใช้จักรยานในการเดินทางนั้น ก็ต้องใช้ถนนร่วมกับรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ซึ่งมีความเร็วและขนาด ความแข็งแรงที่มากกว่าหลายเท่า เพราะฉะนั้นเราต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินทางมากกว่ายานพาหนะอื่นๆ
1. เลือกจักรยานให้เหมาะกับตัวเอง
จักรยานที่วางจำหน่ายในตลาดนั้นมีหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นจักรยานแม่บ้านจ่ายตลาด จักรยานญี่ปุ่นคันจิ๋วที่ใช้ขี่เล่นในหมู่บ้าน เสือภูเขาที่ใช้ลุยป่า หรือเสือหมอบที่ใช้ทำความเร็วในทางเรียบ ขนาดที่แตกต่างกันไม่ว่าจะเป็นขนาดล้อ ระยะอานกับแฮนด์ สัดส่วนความสูงนั้นมีผลต่อการขับขี่อย่างมาก เพราะฉะนั้นเพื่อให้เกิดความคล่องตัวคุณควรจะเลือกจักรยานให้เหมาะกับตัวคุณเอง
2. ใส่อุปกรณ์ป้องกันให้พร้อมเสมอ
ก่อนออกเดินทางทุกครั้ง คุณจะต้องสวมหมวกนิรภัยสำหรับจักรยานรวมถึงสนับศอก สนับเข่า แม้ว่าความเร็วของจักรยานนั้นจะน้อยกว่ามอเตอร์ไซค์มาก แต่ก็อย่าได้ประมาท เนื่องจากขนาดล้อ และแฮนของจักรยานยนต์ค่อนข้างบอบบาง หากเกิดการปะทะแล้วละก็บอกได้เลยว่ามีเจ็บตัวแน่นอน เพราะฉะนั้นป้องกันไว้เสมอเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายที่รุนแรง
3. ตรวจเช็คสภาพรถจักรยานให้ดี
นอกจากอุปกรณ์ป้องกันจะต้องพร้อมแล้ว ก่อนออกเดินทางทุกครั้งก็ต้องตรวจเช็คสภาพรถจักรยานให้ดี โดยเฉพาะลมยาง เบรค และไฟส่องสว่างหน้าหลัง โดยเฉพาะลมยางหากเติมมากจนเกินไป แล้วนำไปขับขี่ในสภาพอากาศที่ร้อนในเวลากลางวัน จะทำให้ลมยางขยายตัว และหากขยายตัวจนยางในไม่สามารถรับได้แล้วเกิดระเบิดขึ้น บอกได้เลยว่าได้มีเจ็บตัวแน่นอน และไฟส่องสว่างนั้นหากคุณจะต้องเดินทางในเวลากลางคืน ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นมากที่สุดเลยทีเดียว เพราะหากรถที่ขับขี่มามองไม่เห็นคุณแล้วละก็อุบัติเหตุมีโอกาสเกิดขึ้นสูงมาก
4. เลือกชุดให้เหมาะกับการปั่นจักรยาน
ข้อควรระวังที่หลายคนคาดไม่ถึงอีกข้อนึงคือการเลือกเครื่องแต่งกาย มีคนจำนวนมากที่ใช้กางเกงขาบานแล้วทำให้เกี่ยวกับพักเท้าเมื่อกำลังจะชะลมรถเพื่อเลี้ยว รวมถึงการสะพายกระเป๋าที่มีสายระโยงระยาง ซึ่งมีโอกาสไปพันกับล้อจักรยาน หรือเสื้อผ้าที่ลุ่มล่ามมากเกินไปจนไม่สามารถที่จะหันดูได้อย่างสะดวก หรือแม้กระทั่งแว่นตาที่ไม่มีสายคล้องอาจปลิวหลุดได้เมื่อเจอลมแรง
5. มีสมาธิในการขับขี่ตลอดเวลา
การใช้รถจักรยานนั้น ข้อจำกัดในการเดินทางมีค่อนข้างสูง เนื่องจากการทำความเร็วในการแซงนั้นแทบเป็นไปไม่ได้ สัญญาณไฟในการเลี้ยวก็ไม่มี การสังเกตเห็นก็น้อยเนื่องจากไม่มีกระจกมองหลัง เพราะฉะนั้นเราจะต้องมีสมาธิในการขับขี่อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยวโดยให้สัญญาณมือ การเปลี่ยนช่องทาง ก่อนทำอะไรต้องระมัดระวังอย่างมาก
6. การลงเนินที่ลาดชัน
การปั่นขึ้นเนินนั้นเป็นสิ่งที่นักปั่นไม่ชอบนัก เนื่องจากจะต้องใช้แรงมากกว่าปกติ รวมถึงการใช้การทดเกียร์เพื่อใช้แรงน้อยลง บางครั้งจะต้องเข็นขึ้นเนื่องจากความลาดชันที่มากเกินไป แต่การขับขี่ลงเนินนั้นจะต้องใช้ความระมัดระวังมากกว่าขึ้นเนิน เนื่องจากการลงเนินจะทำให้ความเร็วจักรยานนั้นสูงกว่าปกติ และการเบรคกะชั้นชิดจะทำให้เสียหลักได้ง่าย รวมถึงระยะทางในการหยุดรถเมื่ออาจเกิดอุบัติเหตุ และการควบคุมทิศทางเมื่อความเร็วสูงมากเกินไป เพราะฉะนั้นคุณจะต้องควบคุมความเร็วไม่ให้สูงเกินไป
7. การเลี้ยวและการเปลี่ยนช่องทาง
การเลี้ยวและการเปลี่ยนช่องทางเดินรถ สำหรับจักรยานนั้น จะต้องมั่นใจว่าไม่มีรถตามหลังมาในระยะกะชั้นชิด เนื่องจากความเร็วที่แตกต่างกันมากนั้น จะทำให้รถคันด้านหลังไม่สามารถชะลอรถได้ทัน การเลี้ยวและการเปลี่ยนช่องทาง รวมถึงการกลับรถจะต้องเผื่อระยะให้มากกว่าปกติ และมั่นใจว่าคุณสามารถเคลื่อนรถไปพ้นระยะปลอดภัยหากรถที่ตามหลังมาไม่ชะลอรถเนื่องจากไม่เห็นคุณ
8. อย่าใส่หูฟังเพลงขณะปั่นจักรยาน
นอกจากสมาธิจากสายตาแล้ว ประสาทสัมผัสเสียงทางหูนั้นก็มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน เนื่องจากเสียงจากสิ่งแวดล้อมรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นเสียงรถ เสียงแตร จะช่วยทำให้เกิดอุบัติเหตุน้อยลงอย่างมาก ป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุได้ทันท่วงที เพราะฉะนั้นอย่าชิลขนาดที่ว่าฟันเพลงไปปั่นจักรยานไปเลยด้วยการใส่หูฟังเลย เพราะนั่นกำลังทำให้ตัวเองเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุอย่างยิ่ง
หากคุณปั่นจักรยานเป็นประจำอยู่แล้ว หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย โปรดให้ชีวิตด้วยความระมัดระวัง ไม่ประมาทในชีวิต เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา แต่หากคุณชอบความท้าทายแล้วละก็อย่าลืมที่จะมาเสี่ยงดวงกับ W88 Casino ได้ทุกที่ทุกเวลาเช่นกัน
